น้ำมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต คนอยู่กันเป็นชุมชน ทุกจังหวัดหลายประเทศ ถ้าหากพวกเขาสามารถเลือกที่จะอยู่อาศัยได้ แน่นอนพวกเขาต้องเลือกทำบ้านและชุมชนติดกับแม่น้ำลำคลอง ในอดีตที่ผ่านมาการคมนาคมทางรถยนต์ยังไม่มีถนนหนทางมากมายและทันสมัย ผู้คนต้องอาศัยสัญจรทางน้ำเป็นส่วนใหญ่ แม่น้ำลำคลองจะเป็นที่ไปมาหาสู่ การขนส่งผู้คน และผลผลิตทางการเกษตร แม่น้ำยังเป็นปัจจัยที่จำเป็นในการทำการเกษตรไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืช และการเลี้ยงปศุสัตว์ น้ำมีความสำคัญในการดำรงชีวิตของผู้คนต้องใช้น้ำในการอุปโภคและบริโภค นอกจากนั้นน้ำยังช่วยในการทำอุตสาหกรรม และประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมีคุณอนันต์ ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน ดังเช่นประเทศไทยต้องพบกับปัญหาอุทกภัยดังกล่าว เดือนนี้เป็นเดือนสิบสอง วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำนองเต็มตลิ่งเราทั้งหลายชายหญิงสนุกกันจริงวันลอยกระทง มีเทศการแข่งเรือ และเทศการลอยกระทง เพราะน้ำมาก ข้าวเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรทของคน ในหลายประเทศบริโภคข้าวเป็นหลัก และช่วงนี้เป็นช่วงที่ภูมิอากาศเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาว กลางวันสั้นกลางคืนยาว ข้าวนาปีเป็นข้าวที่ไวต่อช่วงแสงจะออกดอกติดผลและเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป สำหรับในปีนี้รัฐบาลประกาศรับจำนำข้าวนาปี โดยคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)ได้มติเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 อนุมติกรอบ ชนิดราคา ปริมาณ ระยะเวลา วิธีการ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบกอบ วิธีการหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีผลิต 2554/55 และพิจารณาอนุมัติงบประมาณดำเนินการโครงการต่อไป สรุปดังนี้
ชนิดและราคาจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ให้กำหนดชนิดและราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ที่ความชื้นไม่เกิน 15 % ดังนี้
1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ (42 กรัม) ตันละ 20,000 บาท
2.ข้าวเปลือกหอมจังหวัด(40 กรัม) ตันละ 18,000 บาท
(ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่(23จังหวัด)
3.ข้าวเปลือกประทุม(42 กรัม) ตันละ 16,000 บาท
4.ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว ตันละ 16,000 บาท
ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดสั้น ตันละ 15,000บาท
5.ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,0
ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท
ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท
ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท
ข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท
ทั้งนี้ราคารับจำนำข้างต้นให้ปรับเพิ่ม-ลดตามจำนวนกรัมในอัตรากรัมละ 200 บาท เป้าหมายการรับจำนำ ไม่จำกัดปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำทั้งโครงการ ส่วนปริมารจ้าวเปลือกที่เกษตรกรแต่ละรายจะจำนำได้ไม่จำกัดจำนวนเช่นกัน โดยต้องเป็นข้าวเปลือกที่เกษตรกรปลูกเองในปีการผลิต 2554/55 และต้องมีหนังสือรับรองเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งผ่านการประชาคม และเกษตรกรลงชื่อรับรองตัวเอง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร และปลัดองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงชื่อรับรองด้วย ระยะเวลาการดำเนินการ ระยะเวลาการดำเนินการรับจำนำ 7 ตุลาคม 2554 – 29 กุมภาพันธ์ 2555 (ภาคใต้ 1 กุมภาพันธ์ 2554 – 31 กรกฎาคม 2555) ระยะเวลาไถ่ถอน 4 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ ระยะเวลาโครงการ 7 ตุลาคม2554 – 30 กันยายน 2555 วิธีการรับจำนำ ให้รับจำนำข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมจังหวัด และข้าวเปลือกปทุมธานี เฉพาะใบประทวนเท่านั้น โดยให้ อคส. และ อ.ต.ก. รับสมัครโรงสี/ตลาดกลางเข้าร่วมโครงการเป็นจุดรับฝากข้าวเปลือกและจ่ายใบประทวนให้เกษตรกรนำข้าวเปลือกมาจำนำ เพื่อให้เกษตรกรนำใบประทวนไปจำนำกับ ธ.ก.ส. และธ.ก.ส. ต้องจ่ายเงินให้เกษตรกร ภายใน 3 วันทำการ โดยให้โรงสีที่รับฝากข้าวเปลือกไว้ดำเนินการสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารส่งมอบเข้าโกดังตามหลักเกณฑ์ แลมติของอนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว สำหรับตลาดกลางที่เข้าร่วมโครงการฯให้เก็บรักษาข้าวเปลือกไว้ในโกดังที่ อคส./ อ.ต.ก.กำหนดเป็นโกดังกลาง ในกรณีรับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวให้รับจำนำใบประทวนเท่านั้น แต่ให้มีการพิจารณาจำนำยุ้งฉางเฉพาะพื้นที่ที่มียุ้งฉางเก็บรักษาและมีการดูแลได้มาตรฐานโดยในอดีตไม่เคยมีปัญหาสร้างความเสียหายให้ภาครัฐเท่านั้น ตามหลักเกณฑ์และมติคณะกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว หลักเกณฑ์การรับจำนำ ได้แก่ เกษตรกรผู้มีสิทธิจำนำ การจำนำข้ามเขตของเกษตรกร การจำนำข้ามเขตของโรงสีและตลาดกลาง การเข้าร่วมโครงการของโรงสีและตลาดกลาง การสีแปรสภาพ การเก็บรักษาข้าวสาร การระบายข้าว และการกำกับดูแล
ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์พิชัย สมบูรณ์วงศ์ นักวิชาการเกษตร ชำนาญการพิเศษ
ฝ่ายนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9
ในวันและเวลาราชการ
รายงานโดย
อาจารย์ พิชัย สมบูรณ์วงศ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ และสมศักดิ์ ศิริ นักวิชาการเกษตร งานถ่ายทอดเทคโนโลยี ฝ่ายนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9