เทคนิคการเปลี่ยนยอดลำไยและลิ้นจี่ต้นใหญ่

    18-1การปลูกลำไยพันธุ์ดอเพียงพันธุ์เดียวมีข้อจำกัด คือ ผลผลิตแก่ช่วงเวลาเดียวกันทำให้ขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวและผลผลิตล้นตลาด  นอกจากนี้ยังไม่ได้สร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค...

    40.jpgพื้นที่ปลูกลำไยในประเทศไทยปัจจุบันมีพื้นที่รวม 922,882 ไร่ พบว่า 95% ของพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ เป็นการปลูกพันธุ์ดอ ส่วนพันธุ์ดีอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับการรับประทานสดมีการปลูกที่เหลือพื้นที่น้อยมาก โดยพันธุ์ดีต่างๆ ดังกล่าวได้แก่ พันธุ์สีชมพู มีพื้นที่ปลูกรวม 17,898 ไร่ (1.94%) พันธุ์แห้ว 13,493 ไร่ (1.46) พันธุ์เบี้ยวเขียว 12,089 ไร่ (1.31%) และพันธุ์กะโหลก ที่มีพื้นที่ปลูกเพียง 459 ไร่ (0.05%)

    ข้อมูลจากการสอบถามกับเกษตรกร ผู้ประกอบการ นักวิชาการ หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านลำไยต่างๆ พอจะสรุปสาเหตุการเปลี่ยนพันธุ์จากแต่เดิมที่เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์ดีต่างๆ ซึ่งมีคุณภาพเหมาะสมสำหรับรับประทานสด ไปเป็นพันธุ์ดอเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น พันธุ์ดีต่างๆ ดังกล่าวเป็นพันธุ์หนัก ออกดอกและติดผลล่าช้ากว่าพันธุ์ดอซึ่งเป็นพันธุ์เบา  การออกดอกติดผลของพันธุ์ดีต่างๆ เหล่านั้นมักจะออกปีเว้นปีไม่สม่ำเสมอ กิ่งหักง่าย ไม่ทนทานต่อโรคหรือแมลง เป็นต้น พันธุ์ดีบางพันธุ์มีลักษณะเด่นที่หากผู้บริโภคไม่รู้จักแล้วจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลำไยไม่มีคุณภาพ เช่น พันธุ์สีชมพูที่จะมีเนื้อออกเป็นสีชมพูเรื่อๆ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าลำไยขึ้นรา นอกจากนี้เมื่อนำไปแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งจะไม่ได้คุณภาพดีเท่ากับลำไยพันธุ์ดอ   จากปัญหาต่างๆ ดังกล่าวทำให้พันธุ์ดีต่างๆ มีพื้นที่ปลูกลดน้อยลงมาก จนเหลือพื้นที่ปลูกรวมกันไม่ถึงร้อยละ 5 ของพื้นที่ปลูกลำไยทั้งประเทศ ทั้งๆที่ลำไยพันธุ์ดีต่างๆ เหล่านี้ เมื่อมีโอกาสได้ชิมแล้วผู้บริโภคส่วนใหญ่จะชอบมากกว่าลำไยพันธุ์ดอ แต่ส่วนใหญ่จะหาซื้อลำบาก เนื่องจากพื้นที่ปลูกลดน้อยลง และส่วนใหญ่เป็นการปลูกไว้เพื่อรับประทานเอง หรือเหลือขายหน้าสวนโดยไม่ได้มุ่งเน้นในเชิงการค้ามากนัก    การปลูกลำไยพันธุ์ดอเพียงพันธุ์เดียวมีข้อจำกัด คือ ผลผลิตแก่ช่วงเวลาเดียวกันทำให้ขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวและผลผลิตล้นตลาด  นอกจากนี้ยังไม่ได้สร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค   

    ผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีปลูกมากทางภาคเหนือก็คือ ลิ้นจี่ซึ่งเป็นไม้ผลตระกูลเดียวกับลำไย  เป็นไม้ผลที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งปัจจุบันปลูกมากในจังหวัดพะเยา  เชียงรายและเชียงใหม่  นอกจากนี้ยังปลูกทางภาคตะวันออก เช่น  อำเภออัมพวาและอำเภอบางคนที่   จังหวัดสมุทรสงคราม  พันธุ์ที่มีการปลูกโดยทั่วไป คือพันธุ์ฮงฮวย    ซึ่งผลผลิตจะออกสู่ตลาดประมาณต้นเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ผลผลิตที่ออกสู่ตลาดจะมีปริมาณมาก ทำให้เกิดการกระจุกตัว ส่งผลทำให้ราคาลิ้นจี่ตกต่ำ  ในปัจจุบันนักวิชาการรวมถึงเกษตรกรเองได้พยายามหาพันธุ์ลิ้นจี่ที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อนพันธุ์อื่นๆ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดพร้อมๆ กัน  และยังเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีความชำนาญการเก็บเกี่ยวลงได้   

    41.jpgการนำยอดพันธุ์ดีพันธุ์ใหม่มาเปลี่ยนยอดบนต้นพันธุ์เดิมโดยไม่ต้องมีการล้มต้นลิ้นจี่ต้นเดิมทิ้งไป    ซึ่งถ้านำกิ่งพันธุ์มาปลูกใหม่จะใช้เวลา 2-3 ปี กว่าที่ต้นใหม่จะให้ผลผลิต  แต่วิธีการเปลี่ยนยอดพันธุ์ใหม่บนต้นใหญ่พันธุ์เดิมที่ไม่ต้องการจะเป็นการช่วยย่นระยะเวลาการออกดอก ติดผลให้เร็วขึ้นได้       วิธีนี้นิยมทำในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากมีพันธุ์ที่หลากหลายบางพันธุ์อาจไม่เหมาะสมกับพื้นที่   จึงมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการเปลี่ยนยอดบนต้นใหญ่  วิธีการดังกล่าวหลังต่อกิ่งได้ประมาณ 1-2 ปี   กิ่งที่เปลี่ยนยอดแล้วสามารถออกดอกติดผลได้  แต่ในประเทศไทยยังมีการทำกันน้อย มาก  ดังนั้น ในฉบับนี้จึงจะขอกล่าวถึง ขั้นตอนและวิธีการเปลี่ยนยอดลิ้นจี่ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ คือ

    1   ตัดกิ่งใหญ่ต้นเดิมออก ถ้าเป็นกิ่งที่เป็นกิ่งหลักควรรอให้มีการแตกหน่อกระโดงใหม่เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงยอดบนกิ่งใหม่ที่แตกขึ้นมา

    2  การต่อกิ่งจะใช้วิธีการต่อกิ่งแบบเสียบข้าง  โดยเลือกกิ่งที่จะทำการเปลี่ยนยอดพันธุ์ควรเป็นกิ่งตั้งตรงเลือกให้มีขนาดใกล้เคียงหรือใหญ่กว่ายอดพันธุ์ดี   ทำได้โดยการตัดยอดต้นตอออก  กรีดด้านข้างลงลึกเข้าไปในเนื้อไม้ 2 รอยแผลยาวประมาณ 2.5-7.5 เซนติเมตร (1 - 3 นิ้ว)    ลอกเปลือกออกและตัดเปลือกให้เหลือเปลือกที่ลอกไว้ ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร  

    3. หลังจากนั้นเตรียมยอดพันธุ์ดี ยาว 5-8 เซนติเมตร     ( 2-3 นิ้ว) เฉือนโคนกิ่งเป็นรูปลิ่มแล้วสอดเข้ากับแผลของต้นตอ

    4   พันพลาสติกให้มิดยอด ประมาณ 30 -50 วัน กิ่งพันธุ์ดีจะแทงยอดโผล่ออกจากพลาสติก จึงทำการแกะพลาสติกออก
    ส่วนในลำไย  นางจิรนันท์ เสนานาญ  หัวหน้าโครงการวิจัยฯ นายพิชัย สมบูรณ์วงศ์และนายพาวิน มะโนชัย         ผู้ร่วมวิจัย ได้ศึกษาเทคนิคการเปลี่ยนยอดพันธุ์ในลำไยโดยใช้ลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียวเชียงใหม่ สีชมพูและพวงทองเป็นยอดพันธุ์ดี  โดยใช้ต้นเดิมพันธุ์อีดออายุ 5 ปี    ซึ่งพบว่ามีเปอร์เซ็นต์การเสียบติดถึง  60-70 เปอร์เซ็นต์ ทั้ง 3 พันธุ์  และมีการผลิใบอ่อนได้ภายใน 2 เดือนผลิใบได้  2  ครั้ง ยอดมีการเจริญเติบโตดี  รอยแผลเชื่อมได้สนิท  ถึงแม้ว่าเปอร์เซ็นต์การเสียบติดอาจยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์  ยังคงต้องมีการศึกษาต่อไปถึงช่วงเวลาและฤดูกาลที่เหมาะสมในการต่อกิ่ง   ซึ่งขั้นตอนและวิธีการในการต่อกิ่งคล้ายกับการเปลี่ยนยอดในลิ้นจี่    แต่ในลำไยจะมีเทคนิคเล็กน้อยที่จะต่างจากการเปลี่ยนยอดในลิ้นจี่ คือ การผลิใบอ่อนของยอดพันธุ์ใหม่ของลำไยที่ต่อบนต้นใหญ่จะมีการผลิใบอ่อนส่วนใหญ่จะเป็นตาข้าง ซึ่งลักษณะของการพันพลาสติกจะเป็นการพันแบบมิดยอด ดังนั้นประมาณ 4 สัปดาห์ต้องมีการเปิดพลาสติกที่พันด้านบนออกเล็กน้อย เพื่อให้ตาข้างสามารถผลิใบออกมาได้     และถ้าทำการเปลี่ยนยอดฤดูฝนต้องทำการกรีดด้านล่างบริเวณรอยแผลเล็กน้อยเพื่อให้น้ำสามารถ ไหลออกจากรอยแผลได้ในกรณีฝนตก ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว แผลจะเน่าทำให้การเปลี่ยนยอดไม่ประสบผลสำเร็จ   ส่วนพลาสติกบริเวณรอยแผลให้พันไว้จนกว่ารอยแผลจะเชื่อมติดสนิท ซึ่งอาจจะกินเวลานาน   2 - 3 เดือน     นี่เป็นเพียงแนวทางในการปฏิบัติ    หากจะให้เกิดความเข้าใจและเชี่ยวชาญเกษตรกรต้องมีการลองปฏิบัติด้วยตนเอง ซึ่งจะได้มีความเข้าใจมากขึ้นและการขยายพันธุ์โดยการเปลี่ยนยอดบนต้นใหญ่จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

    การเปลี่ยนยอดลำไย

    15.jpg 16.jpg
    1.ลอกเปลือกไม้ออกยาวประมาณ 1 นิ้ว 2.เฉือนยอดพันธุ์ดีเป็นรูปปากฉลาม
    17.jpg 18.jpg
    3.นำยอดพันธุ์ดีประกบรอยแผล 4.พันด้วยพลาสติกให้มิดยอด
    19.jpg
    5.หลังต่อกิ่งประมาณ 4 สัปดาห์ ยอดลำไยที่ต่อกิ่งเริ่มผลิใบอ่อน

    การเปลี่ยนยอดลิ้นจี่

    26.jpg 21.jpg 22.jpg
    1.อุปกรณ์การเปลี่ยนยอดลำไย-ลิ้นจี่ 2.ลอกเปลือกออกและตัดเปลือกให้เหลือเปลือก
    ที่ลอกไว้ ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร
    3.เฉือนกิ่งพันธุ์ดีให้เป็นรูปลิ่ม
    23.jpg 24.jpg 25.jpg
    4.เสียบกิ่งพันธุ์ดีให้แนบกับรอยแผลต้นตอ 5.พันด้วยพลาสติกใสให้แน่นและมิดยอด 6.ประมาณ 30-50 วัน รอยแผลจะเชื่อมติดกัน
    แตกยอดใหม่ของพันธุ์ใหม่


    ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  นางจิรนันท์  เสนานาญ  หัวหน้าโครงการวิจัยฯ      ผศ.พาวิน  มะโนชัย  ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิจัยและพัฒนาลำไยแม่โจ้-สกว.  ศูนย์วิจัยและพัฒนาลำไยแม่โจ้ และนายพิชัย  สมบูรณ์วงศ์      สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร          มหาวิทยาลัยแม่โจ้     จ. เชียงใหม่  50290   โทร.   053-873939      ในวันและเวลาราชการ

    © 2017 Your Company. All Rights Reserved. Designed By agethemes.com.com
    Free Joomla! templates by AgeThemes