ผู้ดำเนินรายการ นายพิชัย สมบูรณ์วงศ์ และนางจิรนันท์ เสนานาญ
วิทยากร อาจารย์วินัย วิริยะอลงกรณ์ สาขาไม้ผล ภาควิชาพืชสวน คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
การให้น้ำในฤดูแล้ง
ในช่วงที่อากาศแห้งแล้งพืชจะมีการปรับตัวแล้วแต่ชนิดของพืชเพื่อที่จะอยู่รอด ซึ่งถ้าเป็นพืชที่ผลัดใบในช่วงฤดูแล้งจะมีการผลัดใบเหลือแต่กิ่งก้านเพื่อลดการคายน้ำ ในยางพาราก็เช่นเดียวกัน เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งยางพาราจะมีการปรับตัวโดยใบระเริ่มร่วงและร่วงจนหมดทั้งต้นแสดงให้รู้ว่าเข้าสู่หน้าแล้งแล้ว เกษตรการจำเป็นต้องงดกรีดยางเนื่องจากจะได้น้ำยางน้อย ในช่วงนี้ควรมีการให้น้ำบ้างเพื่อเลี้ยงต้นให้รอดผ่านช่วงฤดูแล้งไปได้ ส่วนไม้ผลชนิดอื่นๆ เช่นลำไย ลิ้นจี่ เป็นช่วงที่ลำไยลิ้นจี่กำลังติดผลต้องการน้ำเพื่อการเจริญเติบโตของผล แต่ถ้าช่วงนี้น้ำมีน้อยการให้น้ำเพื่อหล่อเลี้ยงให้ต้นอยู่ได้โดยไม่กระทบกับผลผลิต โดยการให้น้ำไม่จำเป็นต้องให้ทุกวัน โดยให้น้ำอาจเป็นทุกๆ 5-7 วันแล้วแต่สภาพของดินแต่วิธีง่ายที่จะสังเกตว่าพืชได้รับน้ำเพียงพอหรือไม่โดยเมื่อให้น้ำไปแล้วลองขุดดูว่าบริเวณนั้นน้ำซึมผ่านลงไปถึง 30 เซนติเมตรหรือไม่ และในการให้น้ำครั้งต่อไป ถ้าดินเริ่มแห้งดินไม่ชุ่มลึกถึง 30 เซนติเมตรก็เริ่มให้น้ำครั้งใหม่ การให้น้ำวิธีนี้สามารถลดการให้น้ำลงและจะไม่กระทบต่อปริมาณผลผลิต
งานวิจัย เรื่อง ผลของการขาดน้ำที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของต้นลำไย
โดย อาจารย์วินัย วิริยอลงกรณ์ และรองศาสตราจารย์สมชาย องค์ประเสริฐ
ที่มาการวิจัย
เพื่อศึกษาผลกระทบทางสรีรวิทยาของลำไยซึ่งมีการให้น้ำน้อยจนทำให้เกิดอาการขาดน้ำ โดยมีการวัดปริมาณน้ำในดินช่วงเวลาต่างๆ ในรอบวัน
ผลการศึกษาพบว่า ในช่วงเวลา 11.00 -13.00 เป็นช่วงที่ลำไยเกิดอาการขาดน้ำและเกิดความเครียดมากที่สุด โดยต้นลำไยจะแสดงอาการใบตก ใบสลดลู่ลง
การนำไปใช้ประโยชน์ เกษตรกรควรมีการให้น้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ วิธีการง่ายๆ คือต้องให้น้ำซึมผ่านในเขตรากพืชอยู่ประมาณ 30 เซนติเมตร ถ้าให้มากเกินไปน้ำก็จะซึมผ่านเลยเขตรากพืช ถ้าน้อยเกินไปก็จะไม่เพียงพอทำให้พืชเกิดอาการเครียดและถ้าพืชขาดน้ำมากๆก็จะเหี่ยวตายในที่สุด