การบริโภคผักให้ปลอดภัยจากสารพิษ ผักเป็นอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย ประกอบด้วยเซลลูโรสจำนวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ช่วยในการขับถ่ายทำให้ไม่เป็นโรคท้องผูก และที่สำคัญในผักมีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา....
การบริโภคผักให้ปลอดภัยจากสารพิษ
แสงเดือน อินชนบท
ผักเป็นอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย ประกอบด้วยเซลลูโรสจำนวนมาก ซึ่งมีประโยชน์ช่วยในการขับถ่ายทำให้ไม่เป็นโรคท้องผูก และที่สำคัญในผักมีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา วิตามินซี ช่วยบำรุงเหงือกและฟัน และสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย
แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคมักประสบปัญหาสารตกค้างในพืชผัก อันเนื่องมาจากการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม และไม่ระมัดระวังของเกษตรกรผู้ผลิต ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนผู้บริโภค ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรพิจารณาเลือกซื้อผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ เช่น ผักที่ได้รับรองจากหน่วยราชการ หรือองค์กรต่างๆ เป็นต้น
สาเหตุการเกิดสารพิษตกค้างในผัก
1. เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ชอบเลือกซื้อเฉพาะผักที่สดสวยงาม ไม่มีร่องรอยการทำลายของโรคและแมลง
2. ผู้ปลูกผักบางรายมีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องของสารเคมีเป็นอย่างดี แต่ไม่นำหลักการใช้ที่ถูกต้องไปปฏิบัติหรือละเลยเสีย โดยมุ่งหวังแต่ประโยชน์ผลกำไรและความสะดวกเป็นหลัก โดยขาดจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
3. ผู้ปลูกผักบางรายขาดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงที่ถูกต้อง เมื่อประสบปัญหาการเข้าทำลายของโรคและแมลง ทางเลือกแรกที่นำมาใช้คือ การฉีดพ่นสารเคมีโดยไม่ได้คำนึงถึงวิธีการอื่นเลย เนื่องจากสารเคมีมีประสิทธิภาพสูง ให้ผลเร็ว สะดวกในการใช้ และหาซื้อได้ง่าย ดังนั้นเมื่อชาวสวนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายปัญหาที่ตามมาก็คือเกิดสารพิษตกค้างในผักที่เกินค่าความปลอดภัย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเกษตรกรและผู้บริโภค
4. ประชาชนโดยทั่วไปยังมีมาตรฐานในการครองชีพที่ไม่สูงนัก มีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตและการบริโภคที่ง่าย ๆ โดยไม่ค่อยคำนึงถึงความปลอดภัยในการบริโภคเท่าที่ควร ผักปลอดภัยจากสารพิษจึงมีได้รับความนิยมมากนัก
วิธีการที่ทำให้สารพิษตกค้างในผักลดน้อยลง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภคด้วยวิธีการต่างๆ ก่อนนำประกอบอาหารรับประทาน ดังนี้
1. ลอกหรือปอกเปลือก แล้วแช่น้ำสะอาดนาน 5-10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-72
2. แช่น้ำปูนใส นาน 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 34-52
3. การใช้ความร้อน ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 48-50
4. แช่น้ำด่างทับทิม นาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด) ผสมน้ำ 4 ลิตร) ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43
5. ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อก นาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-39
6. แช่น้ำซาวข้าว นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
7. แช่น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น (น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
8. แช่น้ำยาล้างผัก นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 22-36
นอกจากการเลือกใช้วิธีการต่าง ๆ ในการช่วยลดสารพิษที่ตกค้างในผักแล้ว ยังมีวิธีการอื่นๆที่จะช่วยลดหรือเสี่ยงภัยจากสารเคมีตกค้างในผักได้อีกทางหนึ่ง คือ
1. ไม่ควรกินผักซ้ำซากแต่ควรกินผักตามฤดูกาล โดยเฉพาะผักจีน การกินผักน้อยชนิดบ่อยๆอย่างต่อเนื่องจะทำให้เรามีโอกาสรับสารเคมีจากผักชนิดนั้นมากขึ้น เพราะถ้ากินผักที่ไม่อยู่ในฤดูกาลของมัน การปลูกผักชนิดนั้นก็มีโอกาสที่จะต้องใช้ปุ๋ยเคมีและยากำจัดแมลงมากขึ้น ดังนั้นควรกินผักที่หลากหลายชนิด รวมถึงผักพื้นบ้านและควรกินผักตามฤดูกาล เช่น
ฤดูกาล |
ชนิดผัก |
เดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม (ฤดูร้อน) |
คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา บวบ ผักกาดหอม ชะอม ผักบุ้ง ดอกแค ฟักทอง เป็นต้น |
เดือนมิถุนายน – กันยายน (ฤดูฝน) |
คะน้า กวางตุ้ง แตงกวา บวบ ชะอม ผักบุ้ง ตำลึง หน่อไม้ ถั่วฝักยาว ต้นหอม ผักชี ฟักทอง ฟักแฟง เป็นต้น |
เดือนธันวาคม – มกราคม (ฤดูหนาว) |
กะหล่ำปลี แครอท ผักกาดขาว หัวไชเท้า สลัดแก้ว ผักกาดฮ่องเต้ บล็อกโคลี ตั้งโอ๋ ปวยเล้ง ถั่วลันเตา มะเขือเทศ คะน้า กวางตุ้ง สลัดต่าง ๆ ฯลฯ |
2. กินผักพื้นบ้าน ผักพื้นบ้านของไทยมีอยู่หลายร้อยชนิด แต่ละชนิดล้วนมีรสชาติอร่อย คุณค่าทางอาหารสูงและมีสรรพคุณทางยาป้องกันและรักษาโรคที่สำคัญ ผักพื้นบ้านเป็นผักที่แข็งแรง ปลูกง่าย ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน จึงไม่ต้องพึ่งสารเคมีในการปลูก
3.เลือกซื้อผักปลอดภัยจากสารพิษหรือผักอินทรีย์ ถ้าเป็นไปได้อาจเลือกซื้อผักที่ปลอดภัยจากสารพิษที่มีการรับรองจากทางราชการ เช่น กรมวิชาการเกษตร หรือกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งเป็นผักที่ถึงแม้จะมีการใช้สารเคมีแต่ถูกควบคุมให้อยู่ในระดับมาตรฐานหรือเลือกซื้อผักอินทรีย์ ซึ่งเป็นผักที่ปลูกโดยไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ เลย
4. ปลูกผักกินเอง ซึ่งนับเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและสามารถทำได้หลายอย่างโดยไม่เลือกพื้นที่มากหรือน้อย ไม่ว่าจะปลูกในกระถาง ปลูกในสวนครัว หรือปลูกริมรั้วก็ได้
ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์แสงเดือน อินชนบทสำนักฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873071 ในวันและเวลาราชการ
รายงานโดย
ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9