หลักการผลิตพืชผักอินทรีย์

    IMG_7583_1หลักการผลิตพืชผักอินทรีย์ บทความจากหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ ฉบับวันที่ 23 เมษายน  2553 ปีที่ 40  ฉบับที่14,448

    หลักการผลิตพืชผักอินทรีย์

    แสงเดือน  อินชนบท

    ที่ผ่านมาผู้เขียนได้พูดถึงหลักการผลิตพืชในระบบเกษตรอินทรีย์ไปแล้ว  ครั้งนี้ผู้เขียนจะได้พูดเจาะลงไปถึงเรื่องของการผลิตพืชผักในระบบอินทรีย์เพียงอย่างเดียวเพื่อให้ผู้สนใจที่จะทดลองปลูกพืชผักในระบบอินทรีย์ได้จัดเตรียมสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์  วัสดุ อุปกรณ์พื้นที่ปลูก และอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องตามแนวทางของเกษตรอินทรีย์ต่อไป

    ความหมายของผักอินทรีย์ คือ ผักที่เพาะปลูกด้วยวิธีการทางเกษตรอินทรีย์( Organic  Agriculture) ซึ่งเป็นวิธีการเพาะปลูกแบบธรรมชาติที่ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ใดๆในทุกขั้นตอนของการผลิต

    หลักการผลิตผักอินทรีย์IMG_5897

    1. เลือกพื้นที่ที่ไม่เคยทำการเกษตรเคมีมาไม่น้อยกว่า 3 ปี

    2. เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างดอนและโล่งแจ้ง

    3. อยู่ห่างจากจากโรงงานอุตสาหกรรม

    4. อยู่ห่างจากแปลงที่ใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี

    5. ห่างจากถนนหลวงหลัก

    6. มีแหล่งน้ำที่ปลอดสารพิษ

    ขั้นตอนการเตรียมแปลง

    1. เก็บตัวอย่างดิน ดินบนและดินล่างอย่างละ 1 กิโลกรัม  นำไปวิเคราะห์พร้อมกัน  เพื่อหาชนิดของดินและปริมาณธาตุอาหารที่อยู่ในดิน

    2. แหล่งน้ำจะต้องเป็นแหล่งน้ำอิสระ  เก็บตัวอย่างน้ำ 1 ลิตร นำไปวิเคราะห์เพื่อหาสารปนเปื้อนที่ขัดต่อหลักการผลิตพืชอินทรีย์

    3. เมื่อทราบข้อมูลของดินและน้ำแล้วว่าไม่มีพิษต่อการปลูกพืชอินทรีย์ก็เริ่มทำการวางรูปแบบแปลงผลิตพืชอินทรีย์  การวางรูปแบบแปลงจะต้องทำการขุดร่องล้อมรอบแปลง  เพื่อเป็นการดักน้ำหรือป้องกันน้ำที่มีสารปนเปื้อนไหลบ่ามาท่วมแปลงในฤดูฝน (ทำในกรณีพื้นที่ที่จะปลูกผักอินทรีย์อยู่ใกล้กับพื้นที่ปลูกพืชแบบทั่วไป) ร่องคูรอบแปลงควรกว้าง 2 เมตร ลึก 1 เมตร  พร้อมกับทำการปลูกหญ้าแฝกริมร่อง  โดยรอบทั้งด้านในและด้านนอก  รากหญ้าแฝกก็ตัดไปใช้ปรับสภาพดินหรือใช้คลุมแปลงพืชผักอินทรีย์ต่อไป

    IMG_5908 4. ในการเตรียมแปลงครั้งแรกอนุโลมให้ใช้รถไถเดินตามได้  แต่ในครั้งต่อไปให้ใช้คนขุดพรวนดิน  ถ้าใช้รถไถบ่อยๆแล้วมลพิษจากเครื่องยนต์จะตกค้างอยู่ในดิน  และจะเกิดปฏิกิริยาที่เป็นพิษต่อพืชจึงต้องระวัง  ห้ามสูบบุหรี่ในแปลงพืชอินทรีย์  ในการเตรียมแปลงจะต้องทำการไถพรวนให้พื้นที่ในแปลงโล่งแจ้งพร้อมที่จะวางรูปแบบแปลง  ในการวางรูปแบบแปลงจะต้องวางไปตามตะวันเนื่องจากพืชใช้แสงแดดปรุงอาหารและแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค  แปลงที่จะปลูกพืชผักนั้นความกว้างไม่ควรกว้างเกิน 1 เมตร  ส่วนความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่  ส่วนพื้นที่ที่ทำแปลงปลูกพืชผักไม่ทันก็ให้นำพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียวหรือ            ถั่วมะแฮะมาหว่านคลุมดินเพื่อทำเป็นปุ๋ยพืชสด  เพื่อเป็นการปรับปรุงดินไปพร้อมกับเป็นการป้องกันแมลงที่จะวางไข่ในพงหญ้าด้วย

    5. เมื่อเตรียมแปลงแล้วก็หันมาทำการปลูกพืชสมุนไพรไล่แมลงก่อนที่จะปลูกพืชหลัก คือ พืชผักต่างๆ (เสริมกับการป้องกัน) ทางน้ำ ทางอากาศ และทางพื้นดิน พืชสมุนไพร ที่กันแมลงรอบนอก เช่น สะเดา ชะอม ตะไคร้หอม ข่า ปลูกห่างกัน 2 เมตร โดยรอบพื้นที่ ส่วนต้นด้านในกันแมลงในระดับต่ำโดยปลูกพืชสมุนไพรเตี้ยลงมาเช่น ดาวเรือง กระเพรา โหระพา ตะไคร้หอม  พริกต่างๆ ปลูกห่างกัน 1  เมตร และ ที่จะลืมไม่ได้คือจะต้องปลูกตะไคร้หอมทุกๆ 3  เมตร แซมโดยรอบพื้นที่ด้านในด้วย

    IMG_5897 6. หลังจากปลูกพืชสมุนไพรเพื่อกันแมลงแล้วก็ทำการยกแปลงเพื่อปลูกพืชผัก แต่ก่อนที่จะปลูกต้องมีการปรับสภาพดินในแปลงปลูก โดยใส่ปุ๋ยคอก (ขี้วัว) การใส่ปุ๋ยคอกนั้นจะใส่มากน้อยขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินที่จะทำแปลงปลูกพืชอินทรีย์ (ขี้วัวต้องเป็นวัวที่กินพืชตามธรรมชาติ) ทำการพรวนคลุกกันให้ทั่วทิ้งไว้ 7 วันก่อนปลูก การปลูกให้ปลูกพืชสมุนไพรกันแมลงที่ขอบแปลงก่อน เช่น กุยฉ่าย คื่นฉ่าย และระหว่างแปลงก็ทำการปลูกกระเพรา โหระพา พริกต่างๆ เพื่อป้องกันแมลงก่อนที่จะทำการปลูกพืชผัก พอครบกำหนด    7 วัน พรวนดินอีกครั้งแล้วนำเมล็ดพันธุ์พืชมาหว่าน แต่เมล็ดพันธุ์พืชส่วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่คลุกสารเคมี จึงต้องนำเอาเมล็ดพันธุ์ผักมาล้าง โดยการนำน้ำที่มีความร้อน 50-55 องศาเซลเซียส วัดได้ด้วยความรู้สึกของตัวเองคือ เอานิ้วจุ่มลงไปถ้าทนความร้อนได้ก็ให้นำเมล็ดพันธุ์พืชแช่ลงไป นาน30 นาที แล้วจึงนำมาคลุกกับกากสะเดา หรือสะเดาผงแล้วนำไปหว่านลงแปลงที่เตรียมไว้ คลุมฟาง และรดน้ำ ก่อนรดน้ำทุกวันควรขยำขยี้ใบตะไคร้หอมแล้วใช้ไม้เล็กๆ ตีใบกระเพรา โหระพา ข่าฯลฯ เพื่อให้เกิดกลิ่นจากพืชสมุนไพรออกใส่แมลง ควรพ่นสารสะเดาอย่างต่อเนื่องทุกๆ 3-7 วัน กันก่อน ถ้าปล่อยให้โรคแมลงมาแล้วจะแก้ไขไม่ทันเพราะว่าไม่ได้ใช้สารเคมีควรดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด พอถึงอายุเก็บเกี่ยวควรเก็บเกี่ยวผลผลิตถ้าทิ้งไว้จะสิ้นเปลืองสารสมุนไพร ในการปลูกพืชอินทรีย์ในระยะแรกผลผลิตจะได้น้อยกว่าพืชเคมีประมาณ 30-40 % แต่ราคานั้นจะมากกว่าพืชเคมี 20-50 % ผลดีคือทำให้สุขภาพของผู้ผลิตดีขึ้นไม่ต้องเสียค่ายา (รักษาคน) สิ่งแวดล้อมก็ดีด้วย รายได้ก็เพิ่มกว่าพืชเคมีหากทำอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่องผลผลิตจะไม่ต่างกับการปลูกพืชเคมีเลยIMG_5906

    7. หลังจากที่ทำการเก็บเกี่ยวพืชแรกไปแล้ว ไม่ควรปลูกพืชชนิดเดียวกับพืชแรก เช่น ในแปลงที่ 1 ปลูกผักกาดเขียวปลีได้ผลผลิตดี หลังเก็บผลผลิตไปแล้ว ควรปลูกพืชสลับชนิด เช่นผักบุ้งจีน แล้วอาจตามด้วย        ผักกาดหัว ผักปวยเล้ง  ตั้งโอ๋  คะน้า  ผักชี  มะเขือ  ฯลฯ ทำเช่นนี้ทุกๆแปลง ที่ปลูกแล้วจะได้ผลผลิตดี

    8. การปลูกพืชอินทรีย์ ปลูกได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนแต่จะต้องปลูกพืชสมุนไพรก่อนและต่อเนื่องแล้วต้องปลูกพืชสมุนไพรสลับลงไปในแปลงพืชผักเสมอ แล้วต้องทำให้พืชสมุนไพรต่างๆ เกิดการช้ำจะได้มีกลิ่น ไม่ใช่ปลูกเอาไว้เฉยๆ การปลูกพืชแนวตั้งคือ พืชที่ขึ้นค้าง เช่นถั่วฝักยาว มะระจีน ฯลฯ และแนวนอนคือ พืชผักต่างๆ เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ปวยเล้ง ตั้งโอ๋ ฯลฯ ทุกครั้งที่ปลูกพืชในแปลงเกษตรอินทรีย์

    9. การปลูกพืชสมุนไพร ในแปลงเพื่อไล่แมลงยังสามารถนำเอาพืชสมุนไพรเหล่านี้ไปขายเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย หลังจากทำการเก็บเกี่ยวพืชผักแล้วควรรีบทำความสะอาดแปลงไม่ควรทิ้งเศษพืชที่มีโรคแมลงไว้ในแปลง ให้รีบนำไปทำลายนอกแปลงส่วนเศษพืชที่ไม่มีโรคแมลงให้สับลงแปลงเป็นปุ๋ยต่อไป

    ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์แสงเดือน  อินชนบทสำนักฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873071   ในวันและเวลาราชการ

    รายงานโดย

    ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร  สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร
    มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โทร. 053-873938-9

    thainewsnewpaper04

     

    © 2017 Your Company. All Rights Reserved. Designed By agethemes.com.com
    Free Joomla! templates by AgeThemes