การปลูกเบญจมาศเพื่อผลิตเป็นไม้กระถาง บทความจากหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ ฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2552 ปีที่ 40 ฉบับที่ 14,332 คอลัมม์ ทรัพย์ในดินสินในน้ำ..
นายธนวัฒน์ รอดขาว นักวิชาการเกษตร ฝ่ายพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้มีการศึกษาทดลองจนประสบผลสำเร็จในการผลิตเบญจมาศกระถางและ ได้ดำเนินการจัดทำฐานเรียนรู้ การผลิตเบญจมาศเชิงพาณิชย์ทั้งการผลิตเป็นไม้ตัดดอก และไม้ดอกกระถาง เพื่อให้เกษตรกรได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้เพิ่มทักษะในการผลิตดอกเบญจมาศและให้การสนับสนุนต้นพันธุ์ดีให้เกษตรกรนำไปปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด เกษตรกรมีกำไรจากการจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น เป็นการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและสามารถเป็นอาชีพทางเลือกใหม่ของเกษตรกรต่อไป
เบญจมาศ เป็นไม้ดอกที่ได้รับความนิยมทั้งในรูปของการผลิตเป็นไม้ตัดดอกและไม้กระถาง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจเกี่ยวกับไม้ดอกกระถางในเมืองไทยได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากไม้ดอกกระถางที่มีการปลูกจำหน่ายกันเองในประเทศแล้ว ยังมีผู้นำไม้ดอกกระถางชนิดต่างๆ จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายให้แก่ผู้ที่สนใจและหลงใหลในความสวยงามของมันอย่างมากมาย หลากหลายชนิด ซึ่งคิดเป็นมูลค่าในปีหนึ่งๆ เป็นเงินจำนวนไม่น้อยทีเดียว แสดงให้เห็นว่าไม้ดอกกระถางเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งพันธุ์ที่นิยมนำมาผลิตเป็นไม้กระถางมีดังนี้
กระถางหรือภาชนะปลูก
กระถางที่ใช้ปลูกเบญจมาศ กระถางควรมีขนาด 5.5 – 6 นิ้ว เป็นกระถางพลาสติก รูปทรงเป็นกระถางก้นลึก มีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายหรือขนส่งได้ปริมาณมาก เพื่อลดต้นทุนการผลิต
วัสดุปลูก
วัสดุปลูกซึ่งเป็นที่อยู่ของรากพืช ทำหน้าที่ค้ำยันให้ต้นพืชตั้งตรงอยู่ได้ การระบายน้ำและการหมุนเวียนของอากาศ หน้าที่ดังกล่าวมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น นั้นคือ รากพืชที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นต้องการออกซิเจน เพื่อการหายใจ และขณะเดียวกันก็ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา รากพืชต้องการน้ำเพื่อใช้ในขบวนการต่างๆ เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพืช และทดแทนส่วนที่สูญเสียไปจากการคายน้ำ ด้วยเหตุนี้วัสดุปลูกจึงจะต้องอุ้มน้ำได้อย่างเพียงพอ แต่ปริมาณน้ำที่มีอยู่จะต้องไม่ไปจำกัดปริมาณอากาศภายในวัสดุปลูกด้วย ควรอยู่ในระดับที่พอเหมาะต่อกัน
คุณสมบัติของวัสดุปลูก
1. น้ำหนักเบา
2. สามารถกักเก็บความชื้นและมีการระบายน้ำได้ดี
3. มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชครบถ้วน
4. มีค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ที่ pH 6.5 – 7.0
5. หาง่าย ราคาถูก สะอาด ปราศจากโรคแมลง
วัสดุปลูกสำหรับเบญจมาศกระถาง
ขุยมะพร้าว 2 ส่วน
ทรายละเอียด 1 ส่วน
ส่วนผสม 1 คิวบิคเมตร เติมปุ๋ย
ปุ๋ยสูตร 0- 46 - 0 1 กิโลกรัม
โดโลไมท์ 1 กิโลกรัม
การปลูกและดูแลรักษา
นำวัสดุปลูกที่ผสมไว้ ใส่กระถางประมาณ 1/4 ของกระถางแล้วรองด้วยปุ๋ยละลายช้า 17-17-17 ประมาณ 5 กรัม เติมดินให้เต็มกระถางนำไปวางเรียงไว้ให้กระถางชิดกันในโรงเรือนพลาสติก และนำต้นกล้ามาปลูก จำนวนกระถางละ 5 ต้น ปลูกรอบกระถาง โดยปลูกให้ต้นเอนออกทางปากกระถางเล็กน้อย ไม่ควรปลูกลึกเกินไป ควรคัดเลือกกิ่งชำที่มีขนาดเท่ากัน ปลูกในกระถางเดียวกัน เพื่อว่าจะเจริญเติบโตไปพร้อมๆ กัน รดน้ำให้ชุ่มและควรรักษาความชื้นของวัสดุปลูกให้พอเหมาะไม่แฉะหรือแห้งจนเกินไป หลังจากปลูกเสร็จแล้วควรให้แสงสว่าง จากหลอดไฟฟ้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้ต้นเบญจมาศสะสมอาหาร สร้างความแข็งแรง ก่อนที่จะสร้างตาดอกที่มีคุณภาพ สวยงาม
การเด็ดยอด
จำเป็นมากสำหรับการปลูกเบญจมาศกระถาง ควรเด็ดหลังจากปลูกประมาณ 1 สัปดาห์ ให้เหลือใบไว้กับต้นประมาณ 4 ใบ เพื่อให้เกิดการแตกของกิ่งแขนง ให้มีทรงพุ่มแน่นขึ้นและมีดอกดกสวยงาม
การจัดวางกระถาง
หลังจากปลูกลงกระถางแล้ว จัดวางให้กระถางชิดติดกัน จากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ทำการปิดไฟงดให้แสงสว่าง โดยย้ายไปเรียงในโรงเรือนพลาสติกอีกโรงหนึ่ง ควรเรียงให้มีระยะห่างระหว่างกระถางเป็น 30 × 30 ซม. เพื่อให้ต้นได้รับแสงเต็มที่ แตกกิ่งได้ดี มีทรงพุ่มสวยงาม
การให้ปุ๋ย
การให้ปุ๋ยเป็นการเพิ่มธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ทำให้ต้นแข็งแรง แตกกิ่งก้านสาขา ออกดอกสวยงาม การให้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องให้ถูกตามอายุของการเจริญเติบโตและมีปริมาณธาตุอาหารตรงกับความต้องการของพืช ปุ๋ยที่ใช้กับเบญจมาศจะอยู่ในรูปของปุ๋ยน้ำ โดยมีปริมาณธาตุอาหารดังนี้
ปุ๋ยสูตร |
ปริมาณ (กรัม) |
|
25 |
การละลายปุ๋ยให้แยกปุ๋ยสูตร 15 – 0 – 0 ละลายในถังน้ำ 10 ลิตร 1 ถัง ส่วนปุ๋ยที่เหลือให้ละลายรวมกันในถังเดียวกัน ปริมาณน้ำ 10 ลิตร อีก 1 ถัง เวลานำไปใช้ให้นำปุ๋ยที่ละลายแล้วทั้ง 2 ถัง ไปผสมกับน้ำอีก 200 ลิตร รดเบญจมาศกระถาง สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยให้เบญจมาศมีการเจริญเติบโตดี ต้นแข็งแรง มีดอกที่มีคุณภาพสวยงาม
การใช้สารชะลอการเจริญเติบโต
เพื่อให้ต้นเบญจมาศมีทรงพุ่มที่กะทัดรัดสวยงาม แตกกิ่งก้านสาขามาก ไม่สูงจนเกินไป จำเป็นต้องใช้สารควบคุมการเจริญเติบโต การใช้สารควบคุมความสูงของเบญจมาศ สำหรับปลูกเป็นไม้กระถางนั้นสามารถใช้สารดามิโนไซด์ (daminozide) ความเข้มข้น 1,250 – 5,000 มิลลิกรัม/ลิตร พ่นทั่วต้นให้โชก จะช่วยลดความยาวปล้องได้ การใช้สารควรทำภายหลังการเด็ดยอดแล้วและปล่อยให้กิ่งแขนงเจริญออกมายาวประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร สำหรับพันธุ์ที่มีต้นสูงมากอาจต้องให้สาร 2 – 3 ครั้ง โดยทิ้งช่วงห่างกัน 2 – 3 สัปดาห์สารพาโคลบิวทาโซล (paclobutrazol) เป็นสารชะลอการเจริญเติบโตที่สามารถใช้ควบคุมความสูงของต้นเบญจมาศได้ โดยฉีดพ่น 2 ครั้ง ครั้งแรกหลังจากเด็ดยอดกิ่งแขนงมีความยาว 2 นิ้ว พ่นสารพาโคลบิวทาโซล ความเข้มข้น 50 ppm. หลังจากนั้น 7 วัน พ่นสารครั้งที่ 2 ความเข้มข้น 100 ppm. ทำให้ได้ทรงพุ่มสวยงามกะทัดรัด ข้อคำนึงถึงการใช้สารขึ้นอยู่กับฤดูกาล และสายพันธุ์เป็นหลัก
อายุการจำหน่าย
ต้นเบญจมาศถ้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี สามารถจำหน่ายได้เมื่อมีอายุได้ประมาณ 70 วัน
ข้อดีของเบญจมาศ คือ สามารถกำหนดการบานของดอกได้ โดยควบคุมการปิดไฟ ดอกเบญจมาศสามารถบานพร้อมใช้งานได้ หลังจากปิดไฟ ประมาณ 50 – 55 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และฤดูกาลปลูกเป็นสำคัญ ท่านผู้อ่านท่านใดที่สนใจต้องการซื้อต้นเบญจมาศในกระถาง หรือต้องการเข้าเยี่ยมชมฐานเรียนรู้การผลิตเบญจมาศเชิงพานิชย์ติดต่อ นายธนวัฒน์ รอดขาว ฝ่ายพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 0-5387-5108 ในวันและเวลาราชการ
รายงานโดย
ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร
สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9