ประเทศไทยทั่วทุกภูมิภาคได้รับผลกระทบจากพายุและมรสุมหลายลูกที่พัดผ่านเข้ามา ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป และพื้นที่ทางการเกษตรหลายจังหวัดเกิดอุทกภัยน้ำท่วม บางพื้นที่ภูเขาถล่ม เนื่องจากต้นไม้ที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำ ยึดดินถูกตัดโค่นทำลาย ส่งผลให้ดินสไลด์พัดพาดินโคลนและต้นไม้ ท่อนซุง ทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย สร้างความเดือนร้อนและเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ผู้คนจำนวนมากต้องอพยพหนีน้ำท่วมขึ้นที่สูง บางรายต้องหนีน้ำขึ้นบนชั้น 2 หรือบนหลังคาของบ้าน ส่วนที่น้ำท่วมจนมิดหลังคาบ้าน ต้องหอบลูกจูงลูกหลาน คนแก่ คนป่วย และสัตว์เลี้ยง ไปอยู่บนพื้นที่สูง น้ำเข้าท่วมเลือกสวนไร่นา และพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เกิดการขาดแคลนอาหารน้ำดื่มทั้งคนและสัตว์ คนยังมีอาหารแห้ง ข้าวกล่องเพื่อยังชีพ แต่สัตว์เช่น วัว ควาย หมู ไม่มีอาหารกล่องหรือแม้แต่หญ้าแห้งกิน พื้นที่แปลงหญ้าก็ถูกน้ำท่วม ขาดแคลนน้ำที่สะอาดให้สัตว์กินบางพื้นที่ต้องปล่อยให้สัตว์อยู่ในที่น้ำท่วมขัง ผลดังกล่าวทำให้สัตว์เกิดความเครียดภูมิคุ้มกัน และภูมิต้านทานลดต่ำลงง่ายต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ทำให้สัตว์ตายได้ในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคทีเกิดจากความเครียดของหมูเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อคนที่บริโภคเนื้อหมูดิบ
โรคหูดับ หูบอด หรือหูหนวก
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกชื่อว่า สเตรปโตคอดคัส ซูอีส อยู่ในสารสเตรปโตคอดคัส โดยปรกติทั่วไปแล้วหมูทุกตัวจะมีเชื้อนี้อยู่ในต่อมทอนซิลอยู่แล้ว แต่จะไม่ได้ก่อให้เกิดโรคนี้ เว้นเสียแต่ว่าเมื่อใดหมูที่เลี้ยงเอาไว้มีร่างกายอ่อนแอ ป่วยด้วยโรคต่างๆ ที่ไปกดภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมูเกิดอาการเครียด เนื่องจากคอกที่อยู่แออัด คอกแคบๆ อากาศร้อนอบอ้าว หนาว น้ำท่วม อาหารไม่พอทำให้แย่งกันกินอาหาร เชื้อแบคทีเรียตัวนี้ก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นและติดเข้าไปในกระแสเลือดทำให้หมูป่วยและตายไปในที่สุด
การแพร่ระบาดสู่คน เชื้อสเตรปโตคอดคัส ซูอีส เข้าสู่ร่างกายของคนได้ 2 ทางคือ ผ่านทางบาดแผล เยื้อบุตา หรือจับสัมผัสหมูที่เป็นโรคโดยตรง เช่น เกษตรกรที่เลี้ยงหมู คนงาน คนชำแหละเนื้อหมู สัตว์บาล คนงานที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ และจากการที่กินเนื้อหมูดิบไม่ผ่านการปรุงให้สุก เช่น ทำลาบหมูดิบ หลู่หมู หมูจุ่มที่ไม่สุก หมูกระทะที่ไม่สุก หมูปิ้งย่างที่ยังไม่สุกดี เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ภายใน 3 วันจะแสดงอาหารคือ ไข้สูง ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน เชื้อจะลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขข้ออักเสบ ม่านตาเกิดการอักเสบ และเนื่องจากเยื้อหุ้มสมองอยู่ใกล้กับปลายประสาทหูชั้นในทั้งสองข้าง ทำให้เชื้อลุกลามและเกิดหนองบริเวณปลายประสาททรงตัว และประสาทรับรู้เสียง ทำให้หูฟาด เพี้ยน หูตึง หูดับ และหูหนวกในที่สุด และจะเกิดอาการทรงตัวในขณะเดินไม่ได้ เวียนหัว เดินเซ รวมทั้งอาการกระตุก ถ้าหากผู้ป่วยไปโรงพยาบาลช้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เชื้อจะเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้โลหิตเป็นพิษและตายในที่สุด
ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
น.สพ. ไพโรจน์ พงศ์กิดาการ คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ. เชียงใหม่ 50290
โทร. 053-873938-9 ในวันและเวลาราชการ
รายงานโดย
อาจารย์ พิชัย สมบูรณ์วงศ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ และสมศักดิ์ ศิริ นักวิชาการเกษตร งานถ่ายทอดเทคโนโลยี ฝ่ายนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9