เทคนิกการปฏิบัติดูแลรักษาข้าวโพดหวาน 2 สี ตอนที่ 3 บทความจากหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ ฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 ปีที่ 40 ฉบับที่ 14,287 คอลัมม์ ทรัพย์ในดินสินในน้ำ..
การปลูกข้าวโพดโดยทั่วไป ถ้าปลูกข้าวโพดเพื่อการเลี้ยงสัตว์ เขาเรียกว่าทำไร่ ข้าวโพดเพื่อสีเอาเมล็ดหัวมาบดเพื่อการเลี้ยงสัตว์ ส่วนมากปลูกในพื้นที่สูง โดยทั่วไปทางจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ ใช้พื้นที่มาก อาศัยน้ำฝน แต่ถ้าเป็นข้าวโพดหวานสีเดียวหรือสองสี เรียกกันว่าทำสวนข้าวโพด จะทำแบบประณีตใช้พื้นที่ที่สามารถดูแลรักษาได้เป็นอย่างดี ผลตอบแทนต่อไร่สูง มีทั้งรวมกลุ่มกันผลิตเพื่อส่งขายให้บริษัท หรือส่งให้พ่อค้าคนกลางรวบรวมผลผลิต แต่การรวมกลุ่มราคาค่อนข้างจะแน่นอน ซึ่งขั้นตอนต่อไปนี้จะเป็นขั้นตอนในการให้ปุ๋ย การให้น้ำ การดูแลเกี่ยวกับโรค แมลง และการเก็บเกี่ยว มีความสำคัญไม่น้อยกว่าตอนที่ 1 และตอนที่ 2
รองศาสตราจารย์ประวิตร พุทธานนท์ และทีมวิจัย ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร. ศิริชัย อุ่นศรีส่ง อาจารย์สุรินทร์ ดีสีปาน และนายเสกสรร สงจันทึก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดหวาน จนได้ข้าวโพดหวาน 2 สี (พันธุ์ No. 4058 F1) และได้ทดลองปลูกในหลายพื้นที่ในภาคเหนือพบว่าให้ผลผลิตที่ดี จึงมีการแนะนำให้เกษตรกรปลูกอย่างแพร่หลาย ซึ่งการดูแลรักษาข้าวโพดหวาน 2 สี (พันธุ์ No. 4058 F1) ให้ได้ผลผลิตที่ดีมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้
1. การดูแลรักษา
- การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1 เมื่อย้ายกล้าได้ 7 วัน โดยใช้ปุ๋ยสูตร 46–0–0 อัตรา 10 กก./ไร่ผสมกับ สูตร 15–15-15 อัตรา 15 กก./ไร่ โดยการละลายในน้ำ 80 ลิตร รดบริเวณข้างโคนต้น หรือใช้วิธีการหยอดที่โคนต้น
- การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อย้ายกล้าได้ 14 วัน ใช้ปุ๋ยสูตรเดี่ยวกันกับครั้งที่ 1
- การใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 เมื่อย้ายกล้าได้ 21 – 25 วัน ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 10 กก./ไร่ ผสมกับสูตร 15-15-15 อัตรา 20 กก./ไร่ พร้อมทั้งกำจัดวัชพืชและทำการคลุมโคน
- ในกรณีปลูกด้วยเมล็ดให้ใช้ปุ๋ยรองพื้นสูตร 16-20-0 (ดินเหนียว) หรือ สูตร 15-15-15 (ดินทราย) อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อข้าวโพดอายุได้ 25-30 วันหลังหยอดเมล็ด ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่
- เมื่อข้าวโพดอายุได้ 30-40 วัน ต้นจะมีการแตกแขนงหน่อข้างลำต้นให้เด็ด ออกให้เหลือฝักบนเพียง 1 ฝัก และควรตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพราะอาจมีการเข้าทำลายของโรคราสนิม ใบไหม้แผลใหญ่ และการเข้าทำลายของหนอน เจาะลำต้นและฝัก
ภาพ ลักษณะของฝักที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยว | ภาพ การตัดต้นข้าวโพดก่อนการเก็บเกี่ยว |
ข้อควรระวัง
- ควรทำการกำจัดวัชพืชก่อนการใส่ปุ๋ยและคลุมโคน
- ควรปล่อยน้ำเข้าแปลงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากพืชขาดน้ำจะทำให้การผสม เกสรไม่ดี การติดเมล็ดจะไม่สม่ำเสมอ
- ควรปลูกเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยม ขนาดไม่ต่ำกว่า 1 งานขึ้นไป
2. การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวควรเก็บตามอายุ ฤดูแล้งและฤดูฝนอายุประมาณ 60-65 วัน ฤดูปลายฝนหรือฤดูหนาว อายุประมาณ 70-75 วัน โดยสังเกตดูเส้นไหมจะเริ่มแห้งเป็นสีน้ำตาลสุ่มตัวอย่างบีบเมล็ดจะมีน้ำสีขาวขุ่นหากยังไม่แก่จะมีลักษณะใส หรือนับจากอายุวันออกไหม 50 เปอร์เซ็นต์ 18-20 วัน ทั้งแปลงควรมีการสุ่มตัวอย่างหลาย ๆ จุด หากเก็บฝักอ่อน เมล็ดจะเหี่ยวแฟบเร็ว
ข้อควรระวัง
-
ควรตัดต้นออกในตอนเย็นและมาเก็บฝักในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้นและจัดส่งให้ตลาดโดยเร็วเพราะหากฝักข้าวโพดไม่ได้อยู่ในห้องเย็นจะทำให้ความหวานลดลงอย่างรวดเร็วและเมล็ดเหี่ยวแฟบทันที
-
ไม่ควรเก็บข้าวโพดหวานไว้ข้ามวันเพราะจะทำให้เมล็ดเหี่ยวแฟบ
3. ศัตรูพืช
- หนู ชอบเข้าทำลายช่วงหยอดเมล็ดปลูกและช่วงติดฝัก ป้องกันโดย
- ไม่ใช้สารเคมี เช่น การดัก การล้อมตี การเขตกรรม โดยการกำจัดวัชพืชอย่าให้แปลงปลูกรก เพื่อหนูจะได้ไม่มีแหล่งหลบซ่อน
- ป้องกันกำจัดโดยใช้สารเคมี ใช้เหยื่อพิษสำเร็จรูป เช่น สะตอม คลีแร็ต หรือใช้สารฆ่าแมลงที่กลิ่นเหม็น ๆ ฉีดพ่นบริเวณรอบแปลง
4. คำแนะนำการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
ชื่อโรค |
อาการของข้าวโพด |
สาเหตุของการแพร่กระจาย |
การป้องกันกำจัด |
1. โรคราน้ำค้าง
2. โรคใบไหม้แผลเล็ก
3. โรคใบไหม้แผลใหญ่
4. โรคราสนิม
5. เพลี้ยอ่อน 6. เพลี้ยไฟ
7. หนอนเจาะลำต้น 8. หนอนเจาะฝัก |
ทางลายสีขาวบนใบ เกิดขึ้นได้ในระยะต้นอ่อน และระยะกล้า รอยแผลไหม้บนใบ ขนานกับเส้นใบ อาจกลายเป็นแผลใหญ่ รอยแผลขนาดใหญ่เกิด กับใบล่างๆก่อน มีตุ่มแผล (pustule) ทั้งด้านบนและ ล่างของใบ แผลเป็นสีสนิม - -
- - |
ใบข้าวโพดที่เป็นโรค พืชอาศัย
เชื้อติดไปกับเมล็ด ตกค้างในดิน หรือปลิวไปตามลม เชื้อแพร่กระจายโดยลม หรือติดไปกับเศษซากพืช เชื้อติดไปกับใบพืชและลม
- -
- - |
-ใช้เอพรอน 35 เอสดี 7 กรัมต่อน้ำหนักเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ ฟอร์รัม 20 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นทุก 7 วัน 2-3 ครั้ง กำจัดต้นที่เป็นโรคทิ้งออกจากแปลงและพืชอาศัย -ใช้สารเคมี เช่น ไดเทนเอ็ม -45 สลับกับแอนทราโคล
-หลีกเลี่ยงการปลูกในแหล่งที่โรคระบาด กำจัดเศษซากพืช หรือใช้สารเคมี ไตรโฟรีน (ซาพรอน 20%EC) 60 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร -ใช้สารเคมีไดฟิโนโคนาโซล (สกอร์ 25% EC) 20 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร
-อิมิตาโครปิค (คอนฟิดอร์ 10% SL) 10 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร -อิมิตาโครปิค (คอนฟิดอร์ 10% SL) 30 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร หรือ คาร์โบซันแฟน (พอร์) 40 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร -เชื้อแบคทีเรีย (เชื้อ Bt) 60-100 กรัม/ น้ำ 20 ลิตร -methomyl 90% WP ในอัตรา 15 กรัม/น้ำ 20 ลิตร พ่นทุก ๆ 7 วัน ประมาณ 2-3 ครั้ง |
ท่านผู้อ่านท่านใดที่สนใจเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดหวาน 2 สี พันธุ์ No. 4058 F1 มีจำหน่ายที่ฝ่ายขยายพันธุ์พืชและสัตว์ สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 053-498169 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ คุณเสกสรร สงจันทึก โทร. 08-61903535
รายงานโดย
ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร
สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9